ความสำคัญของ แฟลทมิดี้ และ
แนวคิดการพัฒนาซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro

ในยุคที่เสียงดนตรีและการสร้างสรรค์เสียงได้รับความสำคัญมากขึ้น การเลือกใช้ซาวด์ฟ้อนท์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro และ แฟลทมิดี้ ได้รับการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างลงตัว โดยบทความนี้จะอธิบายถึงเหตุผลและแนวคิดเบื้องหลังการพัฒนาซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro และความสำคัญของแฟลทมิดี้ พร้อมทั้งอ้างอิงแนวคิดทางทฤษฎีที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนข้อเท็จจริง

แฟลทมิดี้ : ค่ามาตรฐานที่ไม่ถูกปรับแต่ง

แฟลทมิดี้เป็นรูปแบบมิดี้ที่ไม่มีการปรับแต่งพารามิเตอร์ เช่น CC7 (Volume), CC10 (Pan), CC91 (Reverb), และ CC93 (Chorus) ทำให้เสียงที่ได้จากการเล่นผ่านแฟลทมิดี้เป็น “ค่ากลาง” หรือ “ค่ามาตรฐาน” อย่างแท้จริง ทฤษฎีนี้มีรากฐานจากแนวคิดของ Signal Integrity หรือความสมบูรณ์ของสัญญาณเสียง ซึ่งการหลีกเลี่ยงการปรับแต่งช่วยลดความผิดเพี้ยนและคงเสียงต้นฉบับไว้ได้มากที่สุด

ดังนั้น หากผู้ใช้ต้องการเสียงที่ตรงกับคลิปรีวิวแบบ 100% การใช้แฟลทมิดี้ร่วมกับซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากแนวคิดการพัฒนานี้ออกแบบมาเพื่อความสมดุลและความเที่ยงตรงของเสียงโดยเฉพาะ

การบันทึกเสียงในระดับ Gain ที่เหมาะสม

ซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro ถูกบันทึกเสียงด้วยระดับ Gain ที่เหมาะสมที่สุด โดยไม่มีการบูทเสียงเพิ่มเติม แนวคิดนี้สอดคล้องกับหลักการของ Dynamic Range ซึ่งหมายถึงความแตกต่างระหว่างเสียงที่เบาที่สุดและดังที่สุดในสัญญาณเสียง หากมีการบูทเสียงขึ้นสูงเกินไป อาจทำให้เสียงเกิดการแตกพร่า (Clipping) เมื่อเล่นในอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานเสียงต่างกัน

ในทางปฏิบัติ การบันทึกเสียงด้วย Gain ที่เหมาะสมทำให้ซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro คงความสมดุลของเสียง ไม่ว่าจะเล่นผ่านลำโพงหรือหูฟังชนิดใด ผู้ใช้อาจจำเป็นต้องลดระดับเสียงของอุปกรณ์อื่น เช่น เสียงกีต้าร์สด เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างเสียงในมิกซ์ทั้งหมด

ความแตกต่างระหว่างอุปกรณ์และมาตรฐานเสียง

การพัฒนาเสียงเพื่อให้เหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละชนิดเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากมาตรฐานเสียงในแต่ละแพลตฟอร์มหรืออุปกรณ์นั้นแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น

● เสียงที่บันทึกในสถานการณ์จริงอาจฟังเบาเมื่ออัปโหลดลง YouTube
● เมื่อคลิป YouTube ถูกนำไปโพสต์บน TikTok เสียงอาจแตกพร่าทันที เพราะมาตรฐานระดับเสียงของแต่ละแพลตฟอร์มไม่เหมือนกัน

ในกระบวนการทำเพลง เราใช้ Mastering เพื่อปรับเสียงให้เหมาะสมกับการเล่นผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม สำหรับซาวด์ฟ้อนท์ การทำ Mastering มีข้อจำกัด เนื่องจากไฟล์เสียงต้นฉบับได้ถูกปรับแต่งโดยผู้พัฒนาให้เหมาะสมแล้วในบริบทของอุปกรณ์ของตนเอง

แนวคิดการพัฒนาซาวด์ฟ้อนท์ที่แตกต่าง

สิ่งที่ทำให้ซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro โดดเด่นคือแนวคิดการพัฒนาที่มุ่งเน้นความเที่ยงตรงของเสียง หากผู้ใช้นำซาวด์ฟ้อนท์อื่นมาปรับแต่งเพื่อให้ได้เสียงเหมือน Mixx Pro จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากซาวด์ฟ้อนท์แต่ละตัวมีแนวคิดและกระบวนการพัฒนาที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ยิ่งไปกว่านั้น การบูทเสียงจากอุปกรณ์ที่ต่างกันย่อมส่งผลให้เสียงที่ได้แตกต่างกัน เหตุนี้เองจึงมีอุปกรณ์ที่มีราคาสูงเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านของผู้ใช้มืออาชีพ

ข้อสรุป

การใช้ซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro ร่วมกับแฟลทมิดี้เป็นการแสดงถึงแนวคิดการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับความเที่ยงตรงของเสียง หากผู้ใช้อยากได้เสียงที่ตรงกับคลิปรีวิว 100% การยอมรับแนวคิดและข้อจำกัดเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรคำนึงถึงลักษณะการใช้งานและอุปกรณ์ของตนเอง เพื่อปรับแต่งให้เหมาะสมที่สุด

แนวคิด “เสียงแฟลท ๆ คือเสียงที่ดีที่สุด” อาจดูเรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายนี้แฝงไปด้วยความซับซ้อนของการออกแบบและการพัฒนาเสียงที่ไม่ยึดติดกับมาตรฐานใด ๆ แต่คงไว้ซึ่งความเป็นกลางและความเป็นธรรมชาติของเสียง