เป้าหมายชีวิต
ใน 3 ช่วงอายุ

ผมมีแนวคิด เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายชีวิต ในแต่ละช่วงอายุ ให้คุณได้ลองนำไปปรับใช้กัน ซึ่งมันจะเป็นตัวกำหนดได้ว่า ณ ตอนนี้ คุณควรจะทำอย่างไรกับชีวิต เพื่อไม่ให้คุณหลุดโฟกัส ในระหว่างที่คุณกำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายชีวิตของคุณ ในขณะเดียวกัน คุณก็จะได้ไม่ต้องกดดันตัวเองมากจนเกินไปอีกด้วย

ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ ตอนผม อายุ 32 ปี ผมจะดีใจทุกครั้งที่เปิดโซเชียลมีเดียขึ้นมาในตอนเช้า แล้วเห็นน้องๆ ที่อยู่ในช่วงวัยเรียน เข้ามากดติดตามทุกช่องทางที่ผมนำเสนอคอนเท็นต์ออกไป เพราะอย่างน้อย ผมก็พอมีกำลังใจที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ และแนวคิดนี้ให้กับพวกเขา เพราะมันเป็นประโยชน์กับตัวของพวกเขาเอง ในอนาคต

ผมมั่นใจว่า ถ้าผมรู้หลักการทั้ง 6 ข้อ รวมทั้งวิธีคิดเหล่านี้ ตั้งแต่ผมอายุเท่าพวกเขา ผมสามารถที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ได้ก่อนอายุ 30 ปี และมันจะเร็วไปกว่านี้ ถ้าหากว่า เทคโนโลยีรวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในสมัยนั้นมัน ครบ และพร้อม เหมือนอย่างในทุกวันนี้ ที่สำคัญคุณมีสื่อที่ทรงพลังอยู่ในมือ และมันก็ฟรีอีกด้วย

ถ้าคุณมีโอกาสได้พูดคุยกับ นักการตลาดรุ่นเก่าคุณจะรู้ว่า มันยากแค่ไหนในการทำการตลาดในสมัยนั้น ซึ่งมันเป็น ยุคอุตสาหกรรมเป็นยุคที่เครื่องมือสื่อสารทำได้แค่เพียง ส่งข้อความ

แนะนำตัวละคร : น้องฟาร์ (ในวัยเรียน)
ลูกสาวคนเดียวของ คุณพ่อต้น กับ คุณแม่ชาฟ

ผมใช้เวลาเพียง 60 วัน หลังจากที่ผมรู้หลักการที่ว่านี้ ในการวางแผนธุรกิจของผม และมันเป็นช่วงเวลาที่โลก กำลังเจอกับมหาวิกฤตโรคระบาด ไวรัสโควิด – 19 ยุคที่การศึกษา ก็ต้องพึ่งพาโลกออนไลน์ ในการเรียนทางไกลอยู่ที่บ้าน ในเมื่อทุกอย่างหยุดชะงัก โลกออนไลน์จึงเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการแก้ไขปัญหา

ถึงแม้ว่า มันอาจจะตะกุกตะกักไปสักนิด เพราะระบบการศึกษายังไม่ได้เตรียมพร้อม แต่ใช้วิธีการที่เรียกว่า แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

หลังจากผ่านพ้นวิกฤตนี้ไป ผมได้แต่หวังว่า ระบบการศึกษา รวมทั้งระบบราชการ ระบบประกันสังคม คงจะได้รับบทเรียนในครั้งนี้ และคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่มากก็น้อย

ช่วงเวลาเตรียมตัวของชีวิต

แนวคิด สำหรับน้องๆ ที่มีอายุระหว่าง 6 – 17 ปี หรือน้องๆ วัยเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 นั่นหมายความว่า คุณมีเวลาในการเตรียมตัว สู่ความสำเร็จยาวนานถึง 12 ปี และถ้าคุณไม่คิดที่จะทำอะไรเลย คุณก็จะเสียเวลาในระบบการศึกษาไปฟรีๆ ตั้ง 12 ปี เช่นเดียวกัน

ถ้าเป็นในยุคอุตสาหกรรม เด็กอายุเพียง 6 – 17 ปี คงยากที่จะสามารถสร้างรายได้ มากพอที่จะส่งตัวเองเรียน แต่อย่าลืมว่า โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ในช่วงนี้ ผมอยากให้คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ได้ทำหน้าที่ครูคนแรกของลูกให้เต็มที่ และจะต้องสอดคล้องกับโลกความเป็นจริงให้มากที่สุดปลูกฝังความรู้ด้านการเงิน ทักษะความเป็นนายตัวเอง รวมทั้งทัศนคติทางด้านความคิด ควบคู่ไปกับการที่จะต้องสอนเขาให้เป็นคนดี อย่าโยนภาระให้กับครูวิชาการที่โรงเรียน แต่เพียงอย่างเดียว

ยิ่งในตอนนี้ระบบการศึกษา เริ่มไม่ให้ความสำคัญกับครูแนะแนว ที่รับบทบาทเสมือนครูชีวิตให้กับเด็ก มันอาจจะเหนื่อยสำหรับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ แต่มันเป็นหนทางเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตได้เร็วขึ้น และสามารถเอาตัวรอดในสังคมปัจจุบันกว่าวิธีการเรียนการสอน และความเชื่อในรูปแบบเดิมๆ

ช่วงเวลาทองของชีวิต

แนวคิดสำหรับน้องๆ ที่มีอายุระหว่าง 18 – 22 ปี หรือน้องๆ ที่กำลังเรียนมหาลัย (รวมทั้งในระบบสายอาชีพด้วย) ถือเป็นช่วงเวลาของการลองผิดลองถูกในชีวิต เป็นช่วงเวลาที่ได้นำสิ่งที่คุณเตรียมตัวมานานถึง 12 ปี มาลองสร้างให้กลายเป็นธุรกิจ ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่หลักของคุณ นั่นก็คือ ตั้งใจเรียนแล้วทำเกรดให้ได้ดีๆ ตามที่พ่อแม่ของคุณคาดหวังเอาไว้ และสิ่งที่ท้าทายความสามารถของคุณในช่วงชีวิตนี้ก็คือ วันที่คุณเรียนจบ คุณนั้นสามารถบอกกับพ่อแม่ของคุณได้ว่า คุณมีทางเลือกในชีวิตอยู่สองทาง ระหว่างการหางานในบริษัทดีๆ ทำ หรือไม่ก็สานต่อธุรกิจ 100 ล้านของคุณนั่นเอง

ช่วงสานต่อความสำเร็จ

แนวคิดสำหรับน้องๆ ที่มีอายุระหว่าง 23 – 30 ปี หรือน้องๆ ที่เพิ่งเรียนจบมหาลัย ย่างเข้าสู่ช่วงต้นของวัยทำงาน ช่วงชีวิตนี้ เป็นช่วงเวลาที่คุณจะต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง นี่คือวันที่คุณต้องเผชิญกับโลกความเป็นจริงของชีวิต คุณจะต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า เมื่อไหร่คุณจะหางานทำ และส่วนมาก คุณก็มักที่จะเลือกบริษัทในฝันไม่ได้ เพราะยังไงคุณก็ต้องคว้าบริษัทที่เขาเรียกสัมภาษณ์คุณเอาไว้ก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่า “ดีกว่าไม่มีงานทำ” แล้วคุณ จะได้ทำตามความฝันของคุณเมื่อไหร่ ? ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากว่าคุณมีทางเลือกในชีวิตอีกทาง ที่คุณนั้นสร้างมันมากับมือ คุณจะมีความสุขกับชีวิตในช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก เพราะคุณนั้น ได้พิสูจน์ให้พ่อแม่เห็นแล้วว่า คุณโตมากพอที่จะออกแบบ และมีชีวิตเป็นของตัวเอง

น้องฟาร์ สมัยเป็นเด็กฝึกงาน อยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่ง แถวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

IF I WERE TO TEACH MY CHILDREN
ถ้าผมจะสอนลูก โดย My Mister K.
อันดูโด้ (ประเทศไทย)
andudo.