Mixx Pro Guide
คู่มือผู้ใช้ ซาวด์ฟ้อนท์ มิ๊กโปร (ฉบับมืออาชีพ)
1. ทำการดาวน์โหลดไฟล์
เมื่อคุณทำการสั่งซื้อซาวด์ฟ้อนท์ไปแล้ว แอดมินจะให้คุณแจ้งหมายเลขฮาร์ดล็อค หลังจากนั้น รอให้ระบบเว็บ Synchronize ไม่เกิน 24 ชั่วโมง คุณก็สามารถดาวน์โหลดไฟล์ ผ่านหน้าเว็บไซด์ของเราได้เลย ที่ลิงค์ ด้านล่าง ดาวน์โหลดซาวด์ฟ้อนท์ของคุณ โดยคุณจะต้องดาวน์โหลดให้ตรงรุ่น ที่คุณได้ทำการสั่งซื้อ เช่น Karate หรือ Workshop เมื่อคุณ คลิกที่ปุ่ม ดาวน์โหลด .XSF ในหน้า ดังกล่าว จะปรากฏตามภาพตัวอย่างด้านล่าง ซื่อไฟล์อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละเวอร์ชั่น

จากนั้น ให้คุณ คลิกที่ปุ่ม ดาวน์โหลด .CFG เพื่อทำการดาวน์โหลดไฟล์ตั้งค่า ของซาวด์ฟ้อนท์
ให้ทำการดาวน์โหลด ทั้ง 3 ไฟล์ คือ .XSF, .LIC, .CFG เมื่อดาวน์โหลดไปแล้ว ให้ทำการคัดลอกทั้งสองไฟล์ ไปไว้ในโฟลเดอร์อะไรก็ได้ (แนะนำให้นำไปเก็บไว้กับซาวด์ฟ้อนท์ตัวอื่น ๆ เพื่อง่ายต่อการเรียกใช้) โดยทั้ง 3 ไฟล์นี้ จะต้องอยู่ใน โฟลเดอร์เดียวกัน
2. สำรอง และ การรีเชต เป็นค่าเริ่มต้น
เมื่อคุณเข้าสู่โปรแกรม eXtreme Karaoke ได้แล้ว แนะนำให้ทำการสำรองค่าต่าง ๆ ของท่านไว้ก่อน โดยไปที่ คลิกขวา > ตัวเลือก > บันทึก จากนั้น ทำการตั้งชื่อ แล้วเลือกบันทึก หรือ Save เพื่อให้คุณสามรถเรียกใช้ค่าเดิมกลับมาได้
จากนั้น ทำการรีเชตค่าต่างๆ เป็นค่าเริ่มต้น โดยไปที่ คลิกขวา > ตัวเลือก > ใช้ค่าเริ่มต้น ยืนยันด้วยการ คลิกปุ่ม Yes

โปรแกรมจะให้คุณ ใส่รหัส โดยปกติ รหัสเริ่มต้น จะเป็นเลข 0000 แต่หากคุณได้ทำการเปลี่ยนรหัสไปแล้ว ก็ให้ใช้รหัสนั้น ตามด้วย กดปุ่ม Enter ที่แป้นพิมพ์

3. โหลดซาวด์ฟ้อนท์
เมื่อคุณทำการรีเชตค่าทุกอย่างเป็นค่าเริ่มต้นแล้ว โปรแกรมจะกลายเป็นภาษาอังกฤษ ให้คุณไปที่ คลิกขวา > Options > Load

ทำการเลือกไฟล์ .CFG ขึ้นมา โดยชื่ออาจจะแตกต่างกันไป และ การตั้งค่า ของแต่ละไฟล์ จะแตกต่างกัน ให้ทำการเลือกมา 1 ไฟล์ โปรแกรมจะโหลดค่าต่าง ๆ ขึ้นมา ในขั้นตอนนี้ จะยังไม่มีเสียง

ให้ทำการเลือกซาวด์ฟ้อนท์ ตัวที่คุณดาวน์โหลดไป โดยไปที่ คลิกขวา > ซาวด์ฟ้อนท์ > โหลดซาวด์ฟ้อนท์

ไปที่แถบ Open Soundfont > เปิดไฟล์

ให้ทำการเลือกซาวด์ฟ้อนท์ ที่คุณได้ทำการสั่งซื้อ และ ดาวน์โหลดไป รอโปรแกรมดาวน์โหลด สักครู่ จากนั้น ทดลองเล่นเพลง โดยปกติแล้วจะสามารถเล่นซาวด์ฟ้อนท์ได้อย่างปกติ

4. ทำการบันทึกไฟล์ .CFG
เมื่อทดลองเล่นเพลงแล้ว มีเสียงออกปกติ และ ไม่พบปัญหาใด ๆ ให้ทำการบันทึกไฟล์ใหม่อีกครั้ง โดยไปที่ คลิกขวา > ตัวเลือก > บันทึก จากนั้น ทำการตั้งชื่อ แล้วเลือกบันทึก หรือ Save เป็นไฟล์ใหม่ หรือทับไฟล์เดิมก็ได้
5. ปัญหาที่มักเจอ
5.1 เนื้อเพลง เป็นภาษาต่างดาว เมื่อลงซาวด์ฟ้อนท์เสร็จ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีปัญหา
เกิดจาก ฟอนท์ไม่ตรงกัน ให้ทำการเลือกฟ้อนท์ใหม่ โดยไปที่ คลิกขวา > ตัวเลือก > ตั้งค่า

ไปที่แถบ เนื้อเเพลง > ตัวหนังสือ > เลือกรายการฟ้อนท์ให้รองรับภาษาไทย เช่น ฟ้อนท์ Tahomo > ตกลง

ทำการบันทึกไฟล์ .CFG อีกครั้ง โดยไปที่ คลิกขวา > ตัวเลือก > บันทึก จากนั้น ทำการตั้งชื่อ แล้วเลือกบันทึก หรือ Save เป็นไฟล์ใหม่ หรือทับไฟล์เดิมก็ได้

5.2 เสียงไม่ตรงกับ ในคลิป
ซาวด์ฟ้อนท์ชุดนี้ ได้เริ่มต้นพัฒนามากับ bass.dll เวอร์ชั่นเดิม ดังนั้น ในการติดตั้งโปรแกรม eXtreme Karaoke แนะนำให้เลือกเป็น bass.dll ตัวเดิม ตามตัวอย่างด้านล่าง หรือ หากทดสอบกับ bass.dll ปัจจุบันที่คุณใช้อยู่ แล้วพอใจในเสียงที่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใด ๆ ขึ้นอยู่กับเครื่องของแต่ละคน และ แนะนำให้ใช้กับ Flat MIDI

ไฟล์ bass.dll คือไลบรารี (Dynamic Link Library) ที่พัฒนาโดย Un4seen Developments สำหรับการจัดการและประมวลผลเสียงในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะการเล่นเสียงแบบดิจิตอล เช่น การเล่นไฟล์เสียง MID, MP3, WAV, OGG, และอื่น ๆ รวมถึงการสตรีมเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต
สำหรับซาวด์ฟ้อนท์ Mixx Pro แนะนำให้ใช้งานร่วมกับ Bass Engine (old) จะได้เสียงที่มีคุณภาพกว่า เพราะถูกพัฒนามาตั้งแต่ eXtreme Karaoke เวอร์ชั่นแรกๆ
เราสามารถเลือกได้ ตอนติดตั้งโปรแกรมครั้งแรก
5.3 เสียงเบา
นี่ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นแนวคิดการออกแบบ ซาวด์ฟ้อนท์ของเรา การกดความดังของไฟล์ Sampling ลง ทำให้เมื่อเราไปมิกซ์ต่อ จะทำให้เหลือระยะในการทำ EQ รวมทั้ง การใส่ Effect ต่างๆ โดยไม่ทำให้เสียงเพี้ยน ซึ่งเป็นหลักการในการทำ Mastering ในห้องอัด ซึ่งเมื่อนำไปใช้ ให้คุณระวัง เรื่องระดับเสียงที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเล่น คาราโอเกะอยู่ เสียงอาจจะเบา ทำให้คุณต้องเพิ่มระดับความดังเสียงขึ้น แต่เมื่อคุณสลับไปเปิดเพลงใน Youtube เสียงอาจจะดังมาก ให้ระวัง ดังนั้น ก่อนจะทำอะไร ให้เบาเสียงก่อนทุกครั้ง หรือ ตั้งระดับความดังเสียงแต่ละโปรแกรม ให้ดี ๆ
การชดเชย ความดังที่ถูกกดลง สามารถตั้งเกณฑ์ ในมิกซ์ ได้ หรือ ถ้าไม่มีมิกซ์ หรือเครื่องเสียงชุดใหญ่ คุณสามารถใช้ โปรแกรม Equalizer APO เพื่อชดเชยระดับความดังได้
การใช้โปรแกรม Equalizer APO
เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรมเสร็จ ให้ทำการเปิดโปรแกรมขึ้นมา ในช่อง Gain สามารถระบุตัวเลขดังนี้
1. หากคุณใช้ รุ่น Karate ให้ระบุ 8 ลงใน ช่อง Gain
2. หากคุณใช้ รุ่น Workshop ให้ระบุ 16 ลงไปในช่อง Gain (โดยการพิมพ์ตัวเลขเข้าไปเลย)
การทำเช่นนี้ จะทำให้ระดับความดังของซาวด์ฟ้อนท์เพิ่มขึ้น ใกล้เคียงกับความดังบน Youtube
แล้วทำไมไม่ทำให้ดัง เหมือนชาวบ้าน ? สังเกตุ ระดับเสียงมาตรฐาน เมื่อเราถ่ายวิดีโอ หรือ บันทึกเสียง จะอยู่ในระดับที่ไม่ได้ดังเท่ากับ บน Youtube หรือแม้แต่ คนละแพลตฟอร์ม ความดังก็จะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะ เมื่อนำคลิปที่ลงใน Youtube ไปลงใน TikTok เสียงบน Youtue จะดีกว่า บน TikTok
ส่งผลให้ เมื่อเรานำคลิปต่าง ๆ ไปตัดต่อ เพื่อจะลง Youtube จำเป็นจะต้องเพิ่มระดับความดังเสียงขึ้น เรียกว่าการ Boot อาจจะ เพิ่มจาก 100% เพิ่มเป็น 127% จึงจะทำให้เสียงที่ได้ใกล้เคียงกับคลิปอื่น ๆ หรือ ใกล้เคียงกับระดับเสียงบน Youtube
การทำซาวด์ฟ้อนท์ก็เช่นกัน เมื่อเราทำการบันทึกไฟล์เสียง เพื่อมาทำ Sampling ระดับเสียงที่ได้จะเบา เป็นปกติ ของโปรแกรมบันทึกเสียง เพื่อให้เราสามารถนำไปทำต่อได้ โดยไม่ทำให้เสียงผิดเพี้ยน ไปจากต้นฉบับ ที่ว่าเป็นปกติ คือ เมื่อนำไปเปิดในโปรแกรมตัดต่อเสียง ระดับกราฟมันจะพอดี ไม่เกิดอาการ Clipping เพื่อรองรับการปรับแต่งเสียงเพิ่มเติมได้นั่นเอง
ถ้าต้องการให้ซาวด์ฟ้อนท์ดังขึ้น จำเป็นจะต้องมีการ Boot เสียงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า หากเราพัฒนาซาวด์ฟ้อนท์เฉพาะเครื่องใด เครื่องหนึ่ง เราสามารถทำได้ และมันจะให้เสียงที่ตรงตามต้องการ เฉพาะกับเครื่องที่เราทำเท่านั้น แต่เมื่อเรานำไปเปิดกับเครื่องที่ต่างกัน มันจะทำให้เสียงเพี้ยน
โดยผู้พัฒนา จึงนำหลักการเหล่านี้ มาใช้ในการพัฒนาชาวด์ฟ้อนท์ชุดนี้ โดยไม่มีการ Boot เสียงของไฟล์ Sampling ใด ๆ ต้นฉบับมาแบบไหนก็ใช้แบบนั้น ส่งผลให้เมื่อนำมาทำซาวด์ฟ้อนท์ เสียงมันจะเบากว่า การที่ทำการ Boot ก่อนนำมาใช้
แน่นอนว่า ไฟล์เสียงที่ผ่านการ Boot หรือ แก้ไขมา เมื่อผู้ใช้นำไปปรับต่อ จะทำให้เกิดอาจการ Clipping เสียงแตก เสียงพร่า ปรับแต่งต่อไม่ค่อยได้ ต้องใช้แบบที่เขาพัฒนามา ซึ่ง ด้วยเครื่องเสียงที่ต้างกัน ทำให้เสียงที่ได้ ไม่ค่อยตรงปก นั่นเอง
ดังนั้น ทางผู้พัฒนา จึงเห็นข้อดี มากกว่า ข้อเสีย จึงนำหลักการ และ แนวคิดนี้มาใช้ในการพัฒนาซาวด์ฟ้อนท์ของเรา

สิ่งที่ไม่ควรทำ
บางท่าน อาจมีความรู้เรื่องการปรับแต่งไฟล์มิดี้ อาจต้องการปรับแต่งค่า CC ในไฟล์ เราไม่แนะนำให้แก้ไขค่าเหล่านี้ในไฟล์มิดี้โดยตรง แต่แนะนำให้ใช้เครื่องมือในโปรแกรม eXtreme Karaoke จะดีกว่า ส่วนไฟล์มิดี้ควรจะให้เป็นค่ากลาง หรือค่ามาตรฐาน จะทำให้ได้เสียงธรรมชาติ 100% เมื่อใช้งานคู่กับซาวด์ฟ้อนท์ ใดๆ ก็ตาม มิดี้เปรียบเสมือนนักดนตรี ที่จะต้องเล่นออกมาให้สะอาดที่สุด ส่วนซาวด์ฟ้อนท์ มีหน้าที่มิกซ์เสียง และ ใช้เครื่องมือในโปรแกรม eXtreme Karaoke มาควบคุมทั้งหมด โดยคุณเปรียบเสมือน โปรดิวเซอร์ นั่นเอง
หลักการนี้ สามารถมองได้ว่าเป็น ” โลจิก ” หรือ ” แนวคิดเชิงออกแบบ ” ของผู้พัฒนาโปรแกรมคาราโอเกะ หรือ ผู้พัฒนาซาวด์ฟ้อนท์ รวมทั้ง ซอฟต์แวร์ ที่เกี่ยวข้อง กับการปรับแต่งเสียงที่ใช้กันสากล
เราไม่ได้นำไฟล์มิดี้ไปเปิดฟังเพียวๆ อยู่แล้ว ดังนั้น การใส่ค่าต่าง ๆ ลงไปจนเกินค่ามาตรฐาน จะทำให้ผู้ใช้ปลายทางควบคุมยาก ถ้าบางเพลงต้องการจะเน้นชิ้นดนตรีบางชิ้นให้เด่น แทนที่จะใส่ค่า CC ลงไปในไฟล์มิดี้โดยตรง เราสามารถทำ Preset สำหรับสไตล์เพลงต่างๆ ในซาวด์ฟ้อนท์ได้
ซึ่ง โปรแกรม eXtreme Karaoke ก็มีเครื่องมือมาให้พร้อม
แต่การใส่ค่า CC ลงไปในไฟล์มิดี้ ก็ยังมีความจำเป็นในบางกรณี เช่นกัน สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม
อ้างอิง : ทฤษฎีการควบคุมเสียง (Sound Control Theory), ทฤษฎีการปรับแต่งเสียง (Sound Design Theory), ทฤษฎีเสียงต้นฉบับ (Authentic Sound Theory), ทฤษฎีการควบคุมแทร็ค (Track Control Theory)
MIXX PRO มิ๊กโปร
อันดูโด้ (ประเทศไทย)
andudo.