IF I WERE TO TEACH MY CHILDREN ถ้าผมจะสอนลูก | กฏแห่งกรรม และกฏแห่งจักรวาล

กฏแห่งกรรม และกฏแห่งจักรวาล

คุณคงเคยได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ จากหนังสือ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตนเอง เพื่อความสำเร็จในชีวิตแทบจะทุกเล่ม นั่นก็คือ คำว่า พลังแห่งการดึงดูด พลังแห่งจักรวาล พลังแห่งชีวิต พลังของพระเจ้า พลังแห่งคุณงามความดี รวมทั้งคำอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็แล้วแต่ผู้เขียนหนังสือเล่มนั้นๆ จะเรียก และมักจะถูกพูดถึงในแง่ของปรัชญา จิตวิทยา หรือบางที อาจเป็นลักษณะของความเชื่อ เป็นส่วนใหญ่ จนทำให้ใครหลายคนที่เคยได้อ่านหนังสือแนวนี้ เกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีว่า มันสามารถนำมาใช้กับชีวิตจริง ของเราได้ผลจริงหรือไม่

ผมก็เป็นคนหนึ่ง ที่คิดว่าเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไร้สาระ เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมา เพราะหนังสือแต่ละเล่มนั้น มีรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างกัน ชื่อเรียกแตกต่างกัน จากมุมมองของผู้เขียนที่แตกต่างกัน แต่คุณเชื่อไหมว่า หนังสือหลายๆ เล่ม หรือแทบจะทุกเล่ม ที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง สู่ความสำเร็จ ความร่ำรวย และความมั่งคั่งนั้น มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน

เมื่อผมทำการศึกษา และทำความเข้าใจ ในสิ่งที่ผู้เขียนหนังสือแต่ละเล่ม ต้องการที่จะนำเสนอ ทำให้ผมค้นพบว่า จริงๆ แล้ว กฏแห่งจักรวาล ก็ไม่ต่างอะไรกับ กฏแห่งกรรม ในพระพุทธศาสนา

การที่นักปฏิบัติธรรม จะสามารถบรรลุธรรมได้นั้น มีพื้นฐานมาจาก ความเชื่อ ความศรัทธาอย่างแรงกล้า ส่วนพลังวิเศษในตัวเรานั้น ก็เกิดขึ้นได้จากความเชื่อ ความศรัทธาอย่างแรงกล้า เช่นกัน

ประเด็นคือ คุณต้องเชื่อ และศรัทธาในศักยภาพของตัวเอง จึงจะสามารถปลดปล่อยพลังอันสูงสุดที่เรามีอยู่แล้ว ออกมาได้ นั่นเอง

กฏแห่งกรรม และ กฏแห่งจักรวาล ทั้งสองสิ่งนี้ ทำหน้าที่สะท้อนผลลัพธ์ของ ความคิด และ การกระทำของคนๆ นั้น ออกมาจากภายในสู่ภายนอก ดังตัวอย่างแผนภาพด้านล่างนี้

ผลลัพธ์ สะท้อนให้เห็นถึงการกระทำ การกระทำสะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดที่อยู่ภายใน ถ้าคนจะดี ย่อมเกิดจากการคิดดี แล้วจึงกระทำดี ส่วนคนเลวนั้น ย่อมเกิดจากการคิดไม่ดี แล้วจึงตามมาด้วย

การกระทำที่ไม่ดี ไม่มีใครที่จะสามารถฝืนกฏแห่งกรรมข้อนี้ไปได้ นั่นคือ ในทางของพระพุทธศาสนา

ต่อไปผมอยากให้คุณได้พิจารณาถึงความเหมือนกัน ระว่างคำว่า กฏแห่งกรรม และคำว่า กฏแห่งจักรวาล ตามแผนภาพด้านล่างนี้

คุณจะเห็นได้ว่า ทั้งสองสิ่งนี้มีความเหมือนกันเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ผลลัพธ์ สะท้อนให้เห็นถึงการกระทำ การกระทำสะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดที่อยู่ภายใน คนล้มเหลว ย่อมเกิดจากความคิด หรือวิธีคิดที่ล้มเหลว ก่อนที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำที่ล้มเหลว ส่วนคนที่ประสบความสำเร็จ ย่อมมีวิธีคิด และการกระทำที่ตรงกันข้ามกับคนที่ล้มเหลว นั่นเอง

จะเห็นได้ว่า ไม่มีใครที่จะสามารถฝืนกฏของความจริงข้อนี้ไปได้เช่นกันดังนั้น ถ้าคุณอยากที่จะประสบความสำเร็จ

คุณก็ต้องไม่ฝืน กฏแห่งจักรวาล นั่นคือสิ่งที่ผู้เขียนหนังสือแต่ละเล่ม พยายามที่จะบอกกับคุณ เพื่อความเข้าใจ ผมได้สร้างแผนภาพด้านล่างนี้ขึ้นมา ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพ วิถีทางของคนจน และวิถีทางของคนรวย ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่เป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จ นั่นก็คือ ความเชื่อ และความศรัทธา จากแผนภาพนี้ จะเห็นได้ว่า ความคิดเก่า ส่งผลให้คุณเป็นคนล้มเหลวในปัจจุบัน ถ้าคุณเปิดใจ และลองทำตามคำแนะนำในหนังสือเล่มนี้ โดยการปรับความคิดของคุณใหม่ ด้วยการเดินตามวิถีทางของคนรวย ในระหว่างทาง คุณจะพบกับพลังงานลบ ให้คุณเอาชนะตัวเองด้วยพลังงานบวก ด้วยพลังแห่งความเชื่อ ความศรัทธาในตัวเอง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ต้องใช้เวลา แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความคิดเก่าๆ ของคุณจะถูกแทนที่ด้วยความคิดใหม่ๆ วันนั้น กฏแห่งจักรวาลจะสะท้อนผลลัพธ์ออกมาให้คุณได้เห็นเอง

ผมอยากให้คุณได้ลองพิจารณาแผนภาพ ที่อยู่ด้านล่างนี้ดูว่า กฏแห่งจักรวาล มีความเหมือน กับกฏแห่งกรรม อย่างไรอีกบ้าง

ในมุมมองทางพระพุทธศาสนา สิ่งที่เป็นปัจจัย ให้นักปฏิบัติธรรม สามารถที่จะประสบความสำเร็จ นั่นก็คือ ความเชื่อ และความศรัทธา อีกเช่นกัน ถ้าคุณต้องการที่จะละเว้นการทำกรรมชั่ว คุณจะต้องเอาชนะใจตัวเอง ปรับความคิดใหม่ เอาชนะมารด้วยแรงศรัทธาของคุณ ที่มีต่อพระพุทธศาสนา เมื่อเวลาผ่านไป กฏแห่งกรรมจะทำหน้าที่สะท้อน ผลลัพธ์ออกมาให้คุณได้เห็นเช่นกัน

เห็นไหมครับว่า หลักการทางจิตรวิทยา และหลักการทางวิทยาศาสตร์นั้น มีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน ดังนั้น หนังสือเล่มนี้จะไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณเลย ถ้าหากว่าคุณไม่ยอมที่จะเปิดใจ รับคำแนะนำใหม่ๆ จากผม และสิ่งที่ผมย้ำอยู่เสมอว่า ผมไม่ได้บอกว่าแนวคิดในหนังสือเล่มนี้ถูกต้องไปเสียทุกอย่าง และผมไม่ได้บอกให้คุณนั้น เชื่อผมไปเสียทุกเรื่อง แต่ผม อยากให้คุณพิสูจน์มันด้วยตนเอง มากกว่าที่จะโยนหนังสือเล่มนี้ทิ้งไป เพียงแค่อคติเดิมๆ ที่มาจากโลกยุคเก่าของคุณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *